หลังจากนี้ นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ต้องพูดคุยประสานการทำงานกันมากขึ้นต้องทำงานเข้มข้นขึ้น ถ้าปล่อยปละละเลยจะต้องมีบทลงโทษ เพราะถือว่าบกพร่อง นายอำเภอต้องไม่ให้มีผู้มีอิทธิพลต้องคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องประสานตำรวจ รายงานเข้ามา ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ ต่อไปต้องจัดการของเก่าให้หมดไป ของใหม่ต้องไม่เกิด
นายชาดา กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนงานจะไม่มีปัญหา เพราะตนก็ถือว่าเป็นกูรู เป็นผู้มีอิทธิพลมาก่อน แต่เป็นผู้มีอิทธิพลด้านดี และเคยถูกขึ้นบัญชีมาก่อน ถือว่ามีความเข้าใจงาน ใช้คนตรงงาน ถูกฝาถูกตัว โดย 6 เดือนหลังจากนี้ น่าจะได้เห็นผลของการขับเคลื่อนแก้ปัญหา และพร้อมจะพิจารณาตัวเองถ้าภารกิจไม่สำเร็จ “ถ้าทำเรื่องนี้ไม่ได้ ผมก็ไม่อยู่เหมือนกัน มันถูกใจผม ถูกฝาถูกตัว น่าจะมีประโยชน์กับบ้านเมือง”