คำตอบกระจ่าง! บิ๊กโจ๊ก ไม่ทนต่อสายตรงหาผบ.ตร ทำไมให้มาค้นบ้านผม

 เรียกได้ว่ายังคงเป็นประเด็นที่หลายๆ คนจับตามอง! โดยวันนี้ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก หลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักของตน อ้างพบว่ามีเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์


ซึ่งบิ๊กโจ๊ก ได้กล่าวว่า การขอหมายค้นดังกล่าวเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นบ้านของตน แต่ไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านของตน ยอมรับแม้บ้านจะเป็นชื่อญาติของตน แต่การขอหมายค้นจากศาลเพื่อไปจับกุม พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นาย ตร. ติดตาม รอง ผบ.ตร. หรือ สารวัตรนนท์ ลูกน้องของตน


ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าสารวัตรนนท์อยู่บ้านตน ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าบ้านหลังนั้นใครอาศัยอยู่ เมื่อบอกข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ ศาลก็จะรู้ว่าเป็นบ้านของตนและให้ความเป็นธรรม อาจไม่ออกหมายค้น ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้มีคดี การยกโขยงมาค้นบ้านตนเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง หลอกให้ศาลไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะการขอหมายค้นต้องมีคำไปเรียนศาล


โดยวันนี้มายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งไต่สวน เรื่องการละเมิดอำนาจศาลในการออกหมายค้น โดยวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย. 66) ลูกน้องของตน จะมีการไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพฯ ใต้ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนในทางละเมิดคำสั่งศาล หลอกศาลให้มีการออกหมายจับ


และหมายค้นในบ้านของตน ส่วนเรื่องจะเดินทางไปศาลอาญาทุจริตฯ จะเป็นเรื่องของการให้การเท็จ และแจ้งความเท็จ วันนี้ ตนขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย น้อมรับในการตรวจสอบ แต่การตรวจสอบต้องเป็นธรรม และถูกต้อง หากไม่เป็นธรรม และส่อพิรุธ หรือมีวาระซ่อนเร้น ขออนุญาตใช้สิทธิ์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อตนเอง



เพราะหากตนเป็น รอง ผบ.ตร. ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วประชาชนจะไปหาความเป็นธรรมได้จากที่ไหน ในเรื่องเส้นทางการเงินของลูกน้อง ที่มีความพัวพันเจ้าของเว็บพนันรายใหญ่นั้น ก็เป็นเรื่องของลูกน้อง ไม่ใช่เรื่องตน เมื่อลูกน้องได้ประกันตัว ก็จะต้องมีการซักถามถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้การบุกค้นดังกล่าว ต้องดูว่ามีเจตนาทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่



การบุกไปค้นบ้าน และแถลงข่าวใหญ่โต ว่าตนเอี่ยวเว็บพนัน ลูกน้องทำผิด ไม่ใช่ว่าตนต้องทำผิดด้วย ส่วนบ้านทั้งหมด 5 หลัง เป็นชื่อ เฮียแต๋ม ซึ่งเป็นญาติของตน คนละนามสกุล ทำธุรกิจอยู่ที่ จ.อุดร โดยตนมาเช่าอยู่ มีสัญญาเช่า จ่ายค่าเช่าเดือนละ 5 หมื่น แต่ตนพักอยู่แค่ 2 หลัง โดยตนเสนอจะจ่ายมากกว่านี้ เขาไม่เอา บ้านหลังอื่นใช้เก็บของ ไม่ได้อยู่



ทั้งนี้ นำตัวเฮียแต๋มมาสอบปากคำได้เลย เพราะเฮียแต๋มไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จะแฉว่ามีนักข่าว และทนายชื่อดัง เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ใครจะทำเว็บพนันไม่ใช่เรื่องของตน ค่าเช่าบ้านทั้งหมดเป็นเงินที่ต้องจ่ายทุกเดือน ผบ.ตร. ให้งบลับมาใช้ ตนก็ใช้งบลับทำงาน หากมีส่วนเกินตนจ่ายเอง


ส่วนหลังจากนี้ จะมีการเอาคืนหรือไม่ ตนไม่ได้เอาคืน แต่ใครผิดก็ดำเนินคดีอาญา และฟ้องไป วันนี้ยังไม่ได้เริ่มฟ้อง มาขอความเป็นธรรมกับศาลอย่างเดียว ทั้งนี้ ตนรู้หมดว่ามีคนสั่งการเรื่องนี้ ส่วนจะดำเนินคดีหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน พร้อมย้ำว่าเป็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนโทรหาผบ.ตร.แล้ว


ถามว่าทำไมให้มาค้นบ้านของตน ผบ.ตร.บอกว่า ก่อนหน้านี้มีเพียงได้รับรายงานว่าจะมีการตรวจค้น ซึ่งได้บอกกับผู้ที่รายงานว่าหากจะค้นให้มาบอกก่อน แต่ตำรวจกลับเข้าไปค้น และมารายงานทีหลัง นั่นหมายความว่าคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้มาจาก ผบ.ตร. และรู้ตัวคนสั่งแล้ว


ย่างไรก็ตาม ตนต้องรักษาสิทธิ์ และศักดิ์ศรีของตน อาจไม่มีข้อหาถึงตน แต่ทำให้เสียชื่อเสียง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ หรือไม่นั้น ตนขอไม่ออกความคิดเห็น ให้สื่อมวลชนไปคิดเอาเอง