วันนี้ (13 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ นาย สราวุธ พุ่มเพ็ชร์ และนางสาว กัญญาวี ศีรษะเดช พ่อและแม่ของนาย รังสิมันตุ์ พุ่มเพ็ชร์ หรือ “น้องฮามีม” อายุ 15 ปีได้เดินทางมาขอรับร่างของลูกชาย เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าพ่อแม่ร้องไห้ตลอดเวลา โดย น.ส.กัญญาวี ผู้เป็น กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด3คนซึ่งน้องฮามีม ก็เป็นลูกชายคนโต ซึ่งก็เป็นเสาหลักของที่บ้าน เพราะพ่อของน้องต้องทำงานขับรถขนส่งตลอด เวลาที่มีอะไรน้องก็สามารถแบ่งเบาภาระของแม่ และช่วยเหลือน้องๆอีก2คนเวลาไปรับไปส่งที่โรงเรียน
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น แม่ขอยืนยันว่า น้องไม่เคยมีปัญหากับใคร เพียงแต่ก็ตามประสาวัยรุ่นที่มีเพื่อนเวลาเพื่อนเรียกไปไหน น้องก็จะตามๆรุ่นพี่ไปก็เท่านั้น ส่วนที่ว่ากลุ่มของลูกชายไปมีปัญหากันกับคู่อริหลายครั้งก่อนจะมาเกิดเรื่อง อันนี้ทางแม่ไม่รู้เรื่องมาก่อน เพราะลูกชายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด และชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นตนอบากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้าย ไม่อยากให้มีครอบครัวไหนต้องมาสูญเสียเหมือนครอบครัวตนอีก ส่วนในเรื่องของพิธีกรรมทางศาสนาก็จะเป็นพิธีแบบอิสลาม ที่สุเหร่าดาริสสลามกรุงเทพฯ ส่วนทางด้านคดีก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” ผู้เป็นแม่ กล่าว
ด้านนาย สราวุธ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ก่อนที่เกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ22.00น.ลูกชายได้มาขอโทรศัพท์ไปเล่น ซึ่งตนเองก็เห็นว่าลูกชายได้เดินทางห้องไปแล้ว ก็นึกว่าลูกชายน่าจะกลับไปจนกระทั่งเวลาประมาณ01.00น. เพื่อนของลูกชายก็มาเรียกที่หน้าบ้านว่าลูกชายถูกยิงให้รีบไปดู ตนและภรรยาจึงรีบวิ่งออกไปดูเนื่องจากบ้านกับที่เกิดเหตุอยู่ถัดไปไม่กี่ซอย พอไปถึงตนเองก็เห็นร่างของลูกชายนอนแน่นอนไม่ได้สติแล้ว รู้ได้เลยว่า น้องน่าจะเสียแล้ว ตนเองก็เข่าทรุดทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้และกอดภรรยา
ต่อมาเวลา 16.00 น.ที่ สน.ประเวศ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้พาตัวปลื้ม5Gอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของเบิ้ล ปทุมราชนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง มาสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน สำหรับปลื้มอยู่ในกลุ่มซุ้มโจร และผู้เสียชีวิตอยู่ในกลุ่มมัจจุราชทางรถไฟ โดยมีการรวมกลุ่มอื่นๆ เพื่อมาเจอกันในครั้งนี้ ซึ่งปลื้มเป็นคนนัดหมายให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาก่อนจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทพร้อมทั้งปาระเบิดปิงปอง และยิงปืนใส่จนเป็นเหตุให้เยาวชนชาย อายุ 15 ปี เสียชีวิต
เบื้องต้นปลื้ม เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนไปด้วยจริง โดยมีคนขี่รถจยย.มาด้วยกัน 2 คน ตนจึงขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเป็นคนที่ 3 ซึ่งก็ไม่ได้รู้จักกับ 2 คนที่ตนนั่งมาด้วย ระหว่างเกิดเหตุตนไม่ทราบว่ากลุ่มไหนเป็นคนใช้อาวุธปืนยิง โดยมาทราบข้อมูลภายหลังว่าอาจเป็นกลุ่มพลับพลา ที่เป็นคนก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงจนมีผู้เสียชีวิต