เว็บไซต์CTWANTได้แชร์เคสที่น่าสนใจ โดย ดร.หลู่ จินเหิง แพทย์ชาวไต้หวัน ซึ่งโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ บอกเล่ากรณีของคู่สามีภรรยาวัยกลางคน ซึ่งมีลูก 2 คนอยู่ในวัยประถม และปัจจุบันส่มีได้ทำหมันเรียบร้อยแล้ว แม้จะตรวจพบอสุจิตกค้างเพียงเล็กน้อย แต่แพทย์ก็แจ้งว่า "โอกาสตั้งครรภ์มีน้อยมาก" อย่างไรก็ตาม เพียง 1 ปีหลังจากที่เขาทำหมัน ภรรยาก็ตั้งท้องลูกอีกครั้ง
เนื่องจากฝ่ายสามีทำหมันแล้ว เขาจึงเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ภรรยาจะตั้งครรภ์อีก ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้น สามีภรรยาหมางเมินกัน ภรรยายืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์นอกกฎหมายกับชายคนอื่น ส่วนสามีก็ไม่เต็มใจที่จะรับเด็กในท้อง ทั้งสองจึงตกลงกันว่าหลังเด็กเกิดมาจะตรวจ DNA เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด
ถ้าเขาไม่ใช่พ่อของเด็ก ภรรยาจะต้องยินยอมเซ็นใบหย่า ออกจากบ้าน และเลี้ยงลูกเอง แต่ถ้าเด็กเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาจะโอนบ้านให้เป็นชื่อของภรรยา และจะต้องจ่ายเงินให้อีกฝ่าย 10 ล้าน
ด้วยความรู้สึกเขินอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายสามีจึงมาขอคำปรึกษาจาก ดร.หลู่ จินเหิง อธิบายว่าการผ่าตัดทำหมันแบบดั้งเดิม มีโอกาสน้อยมากที่สเปิร์มจะหาทางออกไปสู่ร่างกายของคู่นอน จากการตรวจสอบเคสในอดีต พบว่ามีโอกาสเพียง 0.04% และกรณีก็มีสถานการณ์ที่มีปริมาณเล็กน้อยของอสุจิยังคงอยู่
คุณหมออธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า บางคนจะยังคงตรวจพบสเปิร์มบางส่วนในน้ำอสุจิของพวกเขา ในช่วงเวลาครึ่งปีหรือหนึ่งปีหลังจากการทำหมัน ตามมาตรฐานโอกาสของการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ต่ำมาก และการทำหมันถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในทางทฤษฎีตราบใดที่ยังมีอสุจิที่มีชีวิต ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการตั้งครรภ์ และการทำหมันแบบเก่าก็มีโอกาสมากถึง 17% ที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้น
หลังจากได้รับคำอธิบายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ท้ายที่สุดสามีในเรืองนี้ก็สบายใจขึ้น สามารถเชื่อมั่นในตัวภรรยาของเขาได้อีกครั้ง และหลังจากที่เด็กคลอดออกมา ผลการตรวจเลือดก็ยืนยันแน่ชัดเด็กเป็นลูกของเขา และเขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ นั่นคือมอบเงิน 10 ล้าน และโอนชื่อบ้านให้เป็นของภรรยา